วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เหรียญอริยสัจ๔ มหาบารมี ๘๘


หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เหรียญอริยสัจ๔ มหาบารมี ๘๘ 


หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

        ในวาระดิถีศุภมหามงคลพระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๓ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ได้เจริญอายุวัฒนมงคล ๘๘ พรรษา ใน พ.ศ.๒๕๕๙


หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เหรียญอริยสัจ๔ มหาบารมี ๘๘


        หลวงพ่อจรัญเป็นผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา มหาบารมี พระมหาวิปัสสนาจาร ผู้สั่งสอนเวไนยชน
ศิษยานุศิษย์ แนะนำทางพ้นทุกข์ บรรลุสุขเกษมศานต์ เป็นที่พึ่งของมหาชนทั่วไปได้โปรดเมตตาอนุญาตให้วัดกลางพรหมนคร จัดสร้างพระเครื่อง และวัตถุมงคลเพื่อสมนาคุณให้แต่ผู้ร่วมบำเพ็ญบารมี ๕ ประการ คือ


        ๑.เพื่อสร้างศาลาสารพัดดี “พระธรรมสิงหบุราจารย์ หลวงพ่อจรัญ” ณ วัดกลางพรหมนคร อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

        ๒.เพื่อพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ปรัชญาเศษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมทวีสุข อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย

        ๓.เพื่อบูรณะศูนย์ปฏิบัติธรรมพิพัฒน์ผล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

        ๔.เพื่อเป็นทุนนิธิ สงเคราะห์ การศึกษา พระภิกษุ สามเณร ทั่วไป

        และ๕.เพื่อเป็นทุนบุญนิธิวิปัสสนาภาวนา วัดกลางพรหมนคร



หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เหรียญอริยสัจ๔ มหาบารมี ๘๘


        คุณค่าของเหรียญอริยสัจ ๔ มหาบารมี ๘๘ เป็นเหรียญแห่งความสำเร็จ สมปรารถนา ทุกประการ

        ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อจรัญที่ใบหน้าเอิบอิ่ม สวยงาม มุ่งมั่นเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

        ด้านหลังของเหรียญแสดงหลักธรรม อริยสัจ ๔ หมายถึง ความจริงอันประเสริฐ หรือความจริงของอริยบุคคล มีองค์ ๔ คือ ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ และมรรค

        เหรียญอริยสัจ ๔ รุ่น “มหาบารมี ๘๘” บรรจุตลับกริ่งนวะเมฆสิทธิ์ และผงพุทธคุณ เกศาจีวร ของหลวงพ่อจรัญ ออก ณ วัดกลางพรมนคร อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี


หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เหรียญอริยสัจ๔ มหาบารมี ๘๘


         พระดี พิธีดี รูปแบบดี เป็นที่นิยมในตลาดพระเครื่อง  ติดต่อสอบถามได้ที่พระครูปริยัติพรหมคุณ เจ้าอาวาสวัดกลางพรมนคร โทร.๐๘-๙๙๐๒-๐๙๐๐ คุณวิทยา ศรีจันทร์ โทร.๐๘-๙๐๘๘-๘๙๖๕ รับพระวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ รังสรรค์ผลงานโดยบริษัทแพนด้าจิวเวลรี่จำกัด (มหาชน)

ข่าวโดยคมชัดลึก

รูปหล่อรุ่นแรก หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี


รูปหล่อรุ่นแรก หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี


         ในจังหวัดสุพรรณฯ มีพระเกจิอาจารย์อยู่หลายรูปที่เป็นที่รักเคารพของชาวบ้านมาก หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ก็เป็นอีกรูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง และเป็นที่นิยมในสังคมผู้นิยม พระเครื่อง

          หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต เกิดวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2432 ที่บ้านดอนไร่ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ครอบครัวมีอาชีพทำนา ในวัยเด็กนิสัยเยือกเย็น พูดน้อย หลวงพ่อมุ่ยได้เข้ารับการอุปสมบทครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด อุปสมบทได้ประมาณ 10 พรรษา ก็ได้ลาสิกขาแต่ไม่นานก็เกิดล้มป่วยแทบเอาชีวิตไม่รอด ยากดูแลรักษาให้หายได้ จึงตั้งสัจอธิษฐานไว้ว่า หากหายจากอาการเจ็บป่วยจะขอบวชในพระพุทธศาสนาไปตลอดชีวิต   ในปี พ.ศ.2465 วันที่ 22 มีนาคม หลวงพ่อมุ่ยจึงได้อุปสมบทครั้งที่ 2 ที่วัดดอน บุบผาราม ได้รับฉายาว่า "พุทธรักขิโต" โดยมีพระครูธรรมสารรักษา (อ้น ติสโส) วัดดอนบุบผาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ.2466 ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อมาจำพรรษาที่วัดดอนไร่ ท่านได้ริเริ่มพัฒนาวัดตั้งแต่นั้นมา ปีพ.ศ.2475 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนไร่ และปี พ.ศ.2502 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่พระครูสุวรรณวุฒาจารย์



รูปหล่อรุ่นแรก หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี




          หลวงพ่อมุ่ยเป็นพระสมถะ ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีความเมตตาแก่สัตว์โลกทั่วไปทุกหมู่เหล่าทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ ขยันในการศึกษาหาความรู้ทุกด้าน โดยเฉพาในเรื่องตัวเลขอักขระยันต์คาถาเข้มขลังยิ่งนัก ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมุ่ยทุกรุ่นได้รับความนิยมอย่างมากจากนักนิยมพระเครื่อง อาทิ รูปเหมือนปั๊ม พระสมเด็จฯ พระกริ่ง เหรียญรูปเหมือน ตะกรุด ผ้ายันต์และแหวน  หลวงพ่อมุ่ยมรณภาพเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2517 สิริอายุได้ 85 ปี

 ในวันนี้ผมได้นำพระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกที่มีความนิยมกันมาก พระรูปเหมือนรุ่นนี้มีการแกะชื่อของหลวงพ่อผิด โดยตัวไม้เอกแกะผิดเป็นไม้โท กลายเป็นคำว่า "มุ้ย"และพระรุ่นนี้เป็นพระรูปเหมือนรุ่นนิยมในตลาดพระเครื่องอย่างมาก

 ขอขอบคุณการเอื้อเฟื้อข้อมูลและรูปภาพจากหนังสือเกจิคณาจารย์ยอดนิยมเมืองสุพรรณ โดยสมาคมพระเครื่องพระบูชาสุพรรณบุรีมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ที่มา แทน ท่าพระจันทร์


วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คมเลนส์ส่องพระวันอาทิตย์ 27 ธ.ค.58



คมเลนส์ส่องพระวันอาทิตย์27ธ.ค.58

 
            คมเลนส์ส่องพระ วันนี้ถือเป็น วันสุดท้าย ของปี ๒๕๕๘ ตลอดปีที่ผ่านมา ๑๒ เดือน ผู้เขียนได้นำภาพพระเครื่องและเครื่องรางของขลังต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ มาลงในหน้านี้ประมาณ ๔๘๐ องค์ จึงขอคัดภาพ สุดยอดพระสวยพระดัง แห่งปีมาลงอีกครั้งในวันนี้ เป็นการรวมยอด พระเครื่อง “ดัง” แห่งปี ๒๕๕๘ ดังนี้
             องค์ที่ ๑ พระสมเด็จจิตรลดา พิมพ์เล็ก พระเครื่องที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นด้วยพระองค์เองทุกขั้นตอน ระหว่างปี ๒๕๐๘-๒๕๑๓ มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กว้างประมาณ ๒ ซม. สูงประมาณ ๓ ซม. จำนวนสร้างประมาณ ๓,๐๐๐ องค์ และ พิมพ์เล็ก กว้างประมาณ ๑.๒ ซม. สูงประมาณ ๑.๙ ซม. สร้างปี ๒๕๐๘ (เพียงครั้งเดียว) จำนวนไม่มาก จึงพบเห็นยาก ชั่วโมงนี้ พระสมเด็จจิตรลดา พิมพ์ใหญ่ เช่าหากันถึง ๑.๕ ล้านบาทขึ้นไป พิมพ์เล็ก มีน้อยกว่ามาก ราคาจึงสูงกว่า ๕ เท่า องค์ในภาพนี้เป็นพระของ นพ.มาณพ โกวิทยา
             องค์ที่ ๒ พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ กรุวัดพระศรีมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี สมัยอู่ทอง อายุกว่า ๔๐๐ ปี หนึ่งในชุดพระเบญจภาคียอดนิยม องค์นี้สวยคมชัดมาก และยังเป็นพระเนื้อสีเขียวซึ่งหายากมาก เป็นพระของ ป๋อง สุพรรณ
             องค์ที่ ๓ พระบางเขียว สกุลลำพูน ศิลปะอินเดีย แบบคุปตะและปาละ อายุกว่า ๑,๒๐๐ ปี องค์นี้ส่งมาจาก น้อย ไอยรา เชียงใหม่ แจ้งมาว่า พระบางเขียว ลำพูน องค์นี้เนื้อเขียวสวยคมชัดสุดๆ มีการซื้อขายกันถึง ๖ แสนบาท ของ K.yoong เจ้าของรังพระใหญ่จริง เฉพาะ พระคง มีกว่า ๑,๐๐๐ องค์ จากเว็บพระล้านนา
             องค์ที่ ๔ พระสิบสองลำพูน เนื้อเขียว ของ ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ปกติที่พบเห็นองค์พระไม่ค่อยสมบูรณ์นัก มักจะหักบิ่น ชำรุด เพราะองค์พระมีขนาดใหญ่ องค์นี้สมบูรณ์มาก และที่พิเศษสุดคือ สีเขียว เป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผา สกุลลำพูน ศิลปะหริภุญชัยตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ผสมผสานศิลปะแบบลพบุรี
             องค์ที่ ๕ พระเปิมเขียว สกุลลำพูน ยุคเดียวกับ พระคง และ พระบาง องค์นี้สวยคมชัด สมบูรณ์มาก และยังเป็นพระเนื้อสีเขียวอีกด้วย หายากสุดๆ เป็นพระของ ศ.นพ.พรพรหม เมืองแมน โรงพยาบาลศิริราช




             องค์ที่ ๖ พระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยองนับเป็น “พระเครื่องแห่งประวัติศาสตร์” ที่มีความนิยมอย่างกว้างขวาง ราคาไม่มีตก และที่สำคัญ คือ ราคาสูงกว่า พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง ต้นตำรับ “พระสกุลขุนแผน” เสียอีก
             องค์ที่๗ พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ราคาแม้จะไม่พุ่งแรง แต่ก็ไม่ตก โดยเฉพาะองค์ที่สวยคมชัด ยังมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันเสมอ องค์นี้พิมพ์ทรงไก่ หางพวง สุดยอดของพระสายนี้ ของนพ.มาณพ โกวิทยา
             องค์ที่ ๘ พระผงรุ่นขุดสระ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว มี ๓ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก และพิมพ์สามเหลี่ยม (แจกแม่ครัว) ปีที่ผ่านมามีผู้หาเช่าบ่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจาก ก้อง กิ่งแก้ว ผู้ชำนาญพระสายนี้ยืนยันเสมอว่า ใครมีขอให้บอก รับซื้อในราคาสูง ไม่อั้นจำนวน ขอให้แท้และสวย รับซื้อหมด ทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นมาก ตลอดปีที่ผ่านมา
             องค์ที่ ๙ พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รุ่นแรก องค์นี้ของ เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่ สวยสมบูรณ์คมชัดมาก ขึ้นหลักล้านอย่างสบายๆ ส่งผลให้พระรุ่น ๒ และ ๓ ราคากระเตื้องขึ้นด้วย ราคาไม่มีตกลงเลย
             องค์ที่ ๑๐ พระกสิณ หลวงพ่อพัฒน์ วัดใหม่พัฒนาราม จ.สุราษฎร์ธานี รุ่นแรก พิมพ์บัวสิบเอ็ด เนื้อดินผสมผง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๗๒ เป็นพระยอดนิยมอันดับต้นๆ ของชาวปักษ์ใต้ องค์นี้สวยคมชัดมาก ของ ยอด สุราษฎร์ ขอลงโชว์เพื่อการศึกษา ถือเป็น พระแท้องค์ครู พระสวยองค์จริง สำหรับทุกท่านที่สนใจพระสายนี้
             ความจริงพระสวยแท้คมชัด ปี ๒๕๕๘ ยังมีอีกมากในตลาดพระเครื่อง แต่เนื่องจากเนื้อที่มีไม่มาก จึงขอเสนอเพียงเท่านี้...ขอขอบพระคุณ ทุกท่านที่ได้ติดตามอ่าน คมเลนส์ส่องพระ ตลอดมา ปีใหม่ ๒๕๕๙ นี้ ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข โชคดี มีสุขภาพที่แข็งแรง และได้ พระแท้ บ่อยๆ...ลาทีปีเก่า พบกันปีใหม่ ที่นี่เหมือนเดิม...นะมัสเต

คมเลนส์ส่องพระวันอาทิตย์27ธ.ค.58 : โดยแล่ม จันท์พิศาโล

เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี



เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี

เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี
เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี


         นักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับรูปแบบวัตถุมงคลมากขึ้นโดยเฉพาะแบบเหรียญต้องสวยโดนใจ ออกแบบได้เลิศหรูดูมีมิติเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเช่นของ อ.สันติ พิเชฐชัยกุล ศิลปินประติมากรเอกระดับโลกของไทย ที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 15 จากสุดยอดศิลปิน 800 กว่าคนทั่วโลก ให้เป็นประติมากรอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน คุณภาพของงานด้านจิตวิญญาณทำให้รูปปั้นประหนึ่งเหมือนมีชีวิตมองไม่ออกว่าเป็นรูปปั้นหรือคนจริง



         อ.สันติ พิเชฐชัยกุล ได้จัดสร้างอริยสงฆ์ไทยในตำนานปี 2558 9 องค์แบบครึ่งตัวหล่อด้วยซิลิคอนบร็อนซ์จากอเมริกา พร้อมฐานหินอ่อนสีดำ 99 ชุดเบญจอรหันต์ เนื้อซิลิคอนบร็อนซ์นอก และเหรียญเบญจอรหันต์ คงกระพันความดี บารมี ๕๙ อริยสงฆ์ 5 องค์ในเหรียญเดียวกัน (หลวงพ่อทวด สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต หลวงพ่อสด ครูบาศรีวิชัยและ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) จัดทำพิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษก ที่อุโบสถวัดนาคปรก เขตภาษีเจริญ เมื่อ 19 พฤศจิกายน 58 โดยพระเกจิอาจารย์ 39 รูปนั่งปรกอธิษฐานจิตทั้งในอุโบสถและศาลาปั้นหยา

เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี
เหรียญเบญจอรหันต์คงกระพันความดี



         ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์สนิท เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรประธานฝ่ายสงฆ์ จุดเทียนชัยพุทธาภิเษก นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ อดีตเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซีและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานฝ่ายฆราวาส ทำพิธีบวงสรวงพร้อมด้วย อ.ต้อย เมืองนนท์ คนดังวงการพระเครื่อง นีโน่ เมทนี ติ๊ก ชิโร โก๊ะตี๋ ดีเจ.มดดำ และดารารายการตีสิบมาร่วมพิธีอย่างคับคั่งท่ามกลางผู้คนเข้าร่วมพิธีกว่าพันคน โดยมีพระคณาจารย์ดังนั่งปรกอธิษฐานจิต เช่น หลวงพ่อเที่ยง หรือพระธรรมธีรราชมุนี วัดระฆัง พระธรรมรัตนากร วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระเทพสมุทรโมลี วัดเพชรสมุทร พระเทพมหาเจติยาจารย์ วัดพระปฐมเจดีย์ พระราชวิยาลังกาล วัดไร่ขิง วัดม่วง หนองแขม พระครูปุญญษพิศาล วัดพะโค๊ะสงขลา พระพิพัฒน์ศาสนธำรงวัดม่วงกรุงเทพฯ พระครูปุญญาพิศาล วัดพะโค๊ะสงขลา พระครูปลัดมังกร วัดพุทธสามัคคี นิวซีแลนด์ พระพิธีธรรมสาธยายมนต์ปลุกเสก 4 รูปจากวัดสุทัศน์


         อ.สันติ ประติมากรอันดับหนึ่งของโลกออกแบบเหรียญเบญจอรหันต์ คงกระพันความดี บารมี ๕๙ อริยสงฆ์ ๕ องค์ในเหรียญเดียวกัน ประกอบด้วย หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ สมเด็จโต พรหมรังสี วัดระฆัง หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ครูบาศรีวิชัย ต๋นตำนานล้านนาและ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นเหรียญที่มีมิติปั๊มนูนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เนื้อสำริดแบบงดงามมี 3 ขนาด เหรียญกรรมการ 4 ซม. หรียญชาย 3.5 ซม.      และ เหรียญหญิง 3 ซม. นับเป็นเหรียญที่วงการตลาดพระเครื่องให้ความสนใจมากทีเดียว


เหรียญระฆังคว่ำ หลวงปู่เก๋ ถาวโร แห่งนนทบุรี



เหรียญระฆังคว่ำ หลวงปู่เก๋ ถาวโร 


         พระมงคลนนทวุฒิ หรือ หลวงปู่เก๋ ถาวโร พระเกจิชื่อดังและพระนักพัฒนาที่ชาวเมืองนนทบุรีและปริมณฑล ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลบางเขน   หลวงปู่เก๋ ถาวโร ท่านเกิดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2455 ที่บ้านเลขที่ 17/3 หมู่ 5 ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี เข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนา ด้วยการบวชเป็นสามเณรอยู่นานหลายปี   อายุครบ 20 ปี อุปสมบทที่วัดโตนด ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี มีพระครูชุ่ม เจ้าอาวาสวัดประชารังสรรค์ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์


พระมงคลนนทวุฒิ หรือ หลวงปู่เก๋ ถาวโร



พ.ศ.2480 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท ต่อมาท่านได้ย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่วัดเฉลิมพระเกียรติ แต่ศึกษาบาลี ได้เพียง 2 ปี ปรากฏว่า พระอาจารย์จุ้ย เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ถึงแก่มรณภาพ ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำว่างลง ไม่มีใครมาดำรงตำแหน่งแทน  ท่านได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์เมืองนนทบุรี ให้ย้ายมาดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำอย่างเป็นทางการ ในเวลา 2 ปีต่อมา กลายเป็นเจ้าอาวาสที่มีอายุพรรษาน้อยที่สุดในสมัยนั้น

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พ.ศ.2493 เป็นเจ้าคณะตำบลบางเขน พ.ศ.2511 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2542 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลบางเขน

สมณศักดิ์ พ.ศ.2552 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระมงคลนนทวุฒิ

         หลวงปู่เก๋ ถาวโร มีชื่อเสียงในฐานะพระเกจิ อาจารย์เรืองวิทยาคมชื่อดังในด้านพุทธคุณเมตตามหานิยม ที่ได้รับการนิมนต์ให้ร่วมพิธีปลุกเสก ในงานพุทธาภิเษกพระเครื่องชื่อดังแต่ละรุ่นเป็นประจำ แทบมิเคยได้ขาด  ปัจจุบัน หลวงปู่เก๋ เป็นเจ้าอาวาสวัดที่มีอายุยืนยาวที่สุด ปัจจุบันสิริอายุ 104 ปี


เหรียญระฆังคว่ำ หลวงปู่เก๋ ถาวโร
เหรียญระฆังคว่ำ หลวงปู่เก๋ ถาวโร 



        ใน พ.ศ. 2558 ปีนี้ นายสุชาติ มาเกิด และคณะศิษยานุศิษย์ ขออนุญาตหลวงปู่จัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญระฆังคว่ำ "รุ่นเสริมบารมี 104 ปี สมปรารถนา" โดยหลวงปู่เก๋ นั่งปรกอธิษฐานจิตเดี่ยว ในวันที่ 5 ธ.ค.2558 ซึ่งวัดจัดสร้าง 5 เนื้อ คือ เหรียญเนื้อเงินลงยา เหรียญเงิน เหรียญนวโลหะ เหรียญเนื้ออัลปาก้า และเหรียญเนื้อทองแดง  วัตถุประสงค์สมทบทุนเข้ากองทุนดูแลรักษาหลวงปู่เก๋ ถาวโร  เหรียญระฆังคว่ำหลวงปู่เก๋ ด้านหน้าเหรียญ มีขอบทั้งสองข้างเป็นรูปมังกร หลวงปู่เก๋นั่งขัดสมาธิเต็มองค์ ด้านล่างเขียน "ท่านเจ้าคุณเก๋" ส่วน ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์หลวงปู่เก๋ ด้านล่างเขียนชื่อรุ่น "เสริมบารมี ๑๐๔ ปี สมความปรารถนา" นับเป็นเหรียญที่ในวงการตลาดพระเครื่องให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง





วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู วัดไตรมิตร


พระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู วัดไตรมิตร



       พุทธคุณพระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว  หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  เชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองจะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิมผู้ได้ใช้กะลาแกะจากพระราหู เชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู จะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิม เรื่องคนชัง ให้กลับมารักชอบนั้นได้ผลแน่ รวมทั้งเรื่องเมตตา โภคทรัพย์ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาจารย์ใดๆ เช่นกัน


           ตลาดพระเครื่องในปัจจุบันมีการสร้างพระราหูออกมาหลายสำนัก แต่ที่มีชื่อและเป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ต้องยกให้ พระนารายณ์ทรงครุฑประทับยืนบนพระราหู ที่เจ้าคุณธงชัย ประธานมูลนิธิร่มฉัตร วัดไตรมิตร เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ออกเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๘  ด้านหน้าประกอบด้วย พระนารายณ์ทรงครุฑ เป็นมหาอำนาจ ประทับพระราหู ด้านบนเป็นรูปเศียรพญานาค ๙ เศียร อัน หมายถึง พระเสาร์เทวา ซึ่งเป็นพระเคราะห์คู่มิตรกับพระราหู ที่แปรเปลี่ยนกลับร้ายกลายเป็นดี ด้วยมีอำนาจแห่งพระนารายณ์ สยบกำลังร้ายของพระราหูช่วยเกื้อหนุนดวงชะตาชีวิต

          ด้านหลัง ประกอบด้วย ดวงเมืองกรุงเทพมหานครอยู่ด้านบน ด้านล่างซ้ายขวา คือ ยันต์จันทรประภาและสุริยประภา หรือ สุริยัน-จันทรา ซึ่งเป็นยอดแห่งพญายันต์ที่ให้คุณทางด้านโชคลาภ






          พระเครื่องรุ่นนี้สร้างตามตำราโบราณ ซึ่งได้มีการสร้างขึ้นในสถานที่สำคัญของบ้านเมืองหลายแห่งในอดีตดังเช่น หน้าบัน พระอุโบสถวัด หน้าพระเมรุ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ และมิถูกข้าศึกเผาทำลาย ด้วยเชื่อกันว่าเป็นด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งพระนารายณ์ทรงครุฑ ประทับพระราหูซึ่งประดิษฐานอยู่ที่หน้าบัน ในทางโหราศาสตร์ ที่ได้กล่าวถึงตำนานเทวดานพเคราะห์ได้รจนา ให้ความหมายเชิงปรัชญา กล่าวว่า พระราหูนั้นมีฤทธิ์มากเป็นอมตะไม่มีวันตาย แต่ต้องพ่ายแพ้และเกรงกลัวต่อำนาจแห่งพระนารายณ์ ผู้ทรงใช้จักรตัดคอของพระราหูจนขาดสองท่อน

          ดังนั้น พระราหูจึงเกรงกลัวอำนาจแห่งพระนารายณ์ ตำราโหรศาสตร์ ได้กล่าวอีกว่า พระราหูมีอิทธิพลต่อดวงชะตาชีวิตมนุษย์ทุกคน ราหูมีทั้งให้คุณและให้โทษ หากราหูให้คุณ อาจทำให้บุคคลนั้น ร่ำรวย เงินทองมีอำนาจและเป็นใหญ่ หากราหูให้โทษหรือไม่ถูกโฉลกกับดวงชะตาแล้ว อาจประสบพบกับความลำบากยากเข็ญ ประสบปัญหาต่างๆ อย่างคาดไม่ถึง แม้กระทั่งชีวิต และราหูนี้ให้คุณให้โทษเร็วและแรงฉับพลันทันที ในดวงชะตาชีวิตของทุกคน หลีกหนีราหูไม่พ้น เพราะว่าราหูจะโคจรเปลี่ยนราศีทุกปีครึ่ง

          พระนารายณ์ทรงครุฑประทับพระราหูจึงมีเหตุที่มา ต้องตรงตามคัมภีร์กาลจักรศาสตร์ เพื่อสยบอำนาจร้ายของพระราหูมิให้มากระทบ แก่ดวงชะตาชีวิต ผ่อนหนักเป็นเบา บรรเทาโทษร้ายตามหลักของโหราศาสตร์ นับเป็นครั้งแรก รุ่นแรกที่ได้มีการออกแบบสร้างมงคลวัตถุด้วยรูปแบบตามหลักโหราศาสตร์ เพื่อแก้ไขอำนาจร้ายแห่งดวงดาว คือ พระราหูและพระเสาร์ มีการประกอบพิธีมังคลาภิเษกด้วยอำนาจแห่งพระพุทธมนต์ พระปริตร คาถามหาราช มีการบวงสรวงเทวดานพเคราะห์ตามพิธีกรรมโบราณ ณ อุโบสถ วัดไตรมิตรฯ  นับเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมที่ต่างแสวงหาไว้คุ้มครอง ป้องกันภัย

โดยไตรเทพ ไกรงู




วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หลวงพ่อชุบ วังกระแจะ จัดสร้างพระครื่องรุ่นเมตตา


หลวงพ่อชุบ วังกระแจะ



         พระเครื่อง และพระพุทธรูปในรูปแบบของ "พระนาคปรก" นับเป็นหนึ่งในพระยอดนิยมที่ชาวบ้านต่างเสาะหาไว้เพื่อสักการบูชา ด้วยพุทธลักษณะที่งดงาม แลดูเข้มขลัง ร่มเย็น เป็นสุข และมีนัยแสดงความหมายสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลในทางพุทธศาสนา อันเกี่ยวข้องกับพญานาคที่ชื่อ "มุจรินทน์" ซึ่งมาแผ่พังพานปกป้องพระพุทธองค์ และเมื่อมีการจัดพระปางประจำวัน พระปางนาคปรกซึ่งเป็นปางประจำวันเสาร์




         เมื่อพูดถึงพระเครื่องปางนาคปรก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่ามีการจัดสร้างกันมาตั้งแต่โบราณกาล โดยมีการค้นพบ "พระปางนาคปรก" จากกรุพระสำคัญๆ ทั่วประเทศ อย่างเช่น พระนาคปรกกรุนาดูน, และพระนาคปรกบ้านพลูหลวง เป็นต้น มาในสมัยรัตนโกสินทร์ สำนักต่างๆ รวมถึงแวดวงพระเครื่อง ก็มักนิยมสร้าง "พระปางนาคปรก" เป็นหนึ่งประเภทของการจัดสร้างวัตถุมงคลในแต่ละรุ่นเสมอมา ซึ่งจะมีขนาด แตกต่างกันไป ที่นิยมมากในตลาดพระเครื่องจะเป็น "พระนาคปรกใบมะขาม" เพราะมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการพกพา



           พระนาคปรกใบมะขามที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมและแสวงหามีอยู่หลายสำนัก เช่น เจ้าคุณสนิท วัดท้ายตลาด, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันสนนราคาเช่าหาสูงมาก อีกทั้งของปลอมก็มากมายเต็มตลาดพระเครื่อง  ปัจจุบันนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การพิจารณาความเรื่อง แท้ ปลอม ยากยิ่งขึ้นอีก ลองมาดูพระใหม่ที่ผู้สร้างเจตนาการสร้าง และพิธีกรรม เป็นที่น่าศรัทธา ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้แสวงหามือใหม่ ที่ต้องการความเชื่อมั่นในด้านพุทธคุณเป็นหลัก

หลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ พระนาคปรกใบมะขาม  เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ที่น่าสนใจ ด้วยเกียรติคุณและบารมีของผู้จัดสร้างเป็นที่ยอมรับและเคารพศรัทธาของสาธุชน

 หลวงพ่อชุบ ปัญญาวุโธ เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค จากพระธุดงค์รูปหนึ่งที่ผ่านมา สามารถนำพาชาวบ้านปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่จนกลายเป็นวัดได้อย่างสมบูรณ์ และทางคณะปกครองสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดรูปแรก เผยแผ่ธรรมะสั่งสอนภิกษุและฆราวาสจนได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักเรียนประจำสำนักเรียนวัดวังกระแจะ





          นับเป็นพระเกจิยุคปัจจุบันผู้มีบารมีสูงส่ง มุ่งมั่นสืบทอดและจรรโลงพระบวรพุทธศาสนาตามเจตนารมณ์แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาว จ.กาญจนบุรี และใกล้เคียง

         เมื่อหลวงพ่อชุบสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาปัจจัยพัฒนาศาสนสถาน ศาสนวัตถุ และเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดวังกระแจะ ผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์และได้รับวัตถุมงคลไป ต่างประจักษ์ในพุทธคุณและพลานุภาพ ทั้งด้านเมตตามหาอุตม์ แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านเริ่มขจรไกล มีลูกศิษย์ลูกหามากมายจากทั่วประเทศ สืบสาวราวเรื่องปรากฏว่าหลวงพ่อชุบท่านได้ร่ำเรียนวิทยาอาคมจนสำเร็จแตกฉาน ทั้งสายหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และสายหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สองพระเกจิชื่อดังของไทย



         หลวงพ่อชุบดำริสร้าง "ศาลาอเนก ประสงค์หลังใหม่ วัดวังกระแจะ" จึงตัดสินใจจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกรุ่น ให้ชื่อว่า "รุ่นเมตตา" เพื่อเปิดโอกาสให้สาธุชนได้ร่วมบุญสร้างศาสนสถานทางพุทธศาสนา อันถือเป็นกุศลยิ่งใหญ่ ซึ่งได้ประกอบพิธีบวงสรวงเททองนำฤกษ์ไป เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.ย.2558 ที่ผ่านมา
 ผู้คนแห่แหนกันจับจองจนแทบทุกแบบทุกเนื้อใกล้หมดแล้ว กำหนดพิธีมหาพุทธาภิเษกจะจัดในปลายปีนี้ วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.2558 ณ มณฑลพิธีวัดวังกระแจะ โดยมีหลวงพ่อชุบ เป็นประธานจัดสร้างฝ่ายสงฆ์, นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานอุปถัมภ์ และนายธนน เวชกรกานนท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานจัดสร้างฝ่ายฆราวาส

 พระเครื่อง "รุ่นเมตตา" หลวงพ่อชุบ ปัญญาวุโธ นอกจาก "พระนาคปรกใบมะขาม" ที่สร้างเป็นเนื้อเงิน, เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดงแล้ว ยังมีเหรียญเมตตา และพระปิดตามหาลาภ ซึ่งมีหลายเนื้อหลายแบบให้เลือกเช่นกัน





ประวัติพระปางนาคปรก


 ประวัติพระปางนาคปรก



พระพุทธรูปและ พระเครื่องในลักษณาการที่เรียกว่า “นาคปรก” นับเป็นพระที่มีพุทธลักษณะงดงาม และมีนัยแสดงความหมายซึ่งสืบ ทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล ลักษณะ “นาคปรก” ที่พบเห็นนั้นมีหลายแบบ อาทิ เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งทับบนบัลลังก์นาคขนด หรือมีขนดนาคล้อมรอบองค์พระพุทธ ปรากฏพญานาคแผ่เศียรอยู่ด้านบน มีทั้งเศียรเดียวและหลายเศียร

หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู พระนาคปรกแกะจากไม้ตะเคียน 1,000 ปี

หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู พระนาคปรก 9 เศียร แกะจากไม้ตะเคียน 1,000 ปี


         นาคปรก เป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปลักษณะนั่งสมาธิ และมีพญานาคแผ่หัวเป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียรของพระพุทธรูป แต่เดิมทำเป็นรูปพญานาคเป็นมนุษย์ มีรูปงู 7 หัวเป็นพังพานขึ้นจากไหล่ไปปรกพระเศียร (ศีรษะ) ในกิริยาที่พญานาคทำท่านมัสการพระพุทธเจ้า ต่อมาภายหลังทำพญานาคเป็นรูปงูขดตัวเป็นฐานตั้งพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนตัวพญานาค และมีพังพานและหัวของพญานาค 7 เศียรปรกอยู่


พระนาคปรก สธ.(นาคปรกพระเทพฯ) เนื้อเงินพิมพ์เล็ก วัดสิรินทรเทพรัตนาราม พ.ศ.2543
พระนาคปรก สธ.(นาคปรกพระเทพฯ) เนื้อเงินพิมพ์เล็ก
วัดสิรินทรเทพรัตนาราม พ.ศ.2543


         หลังจากที่พระพุทธโคตมได้ทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้แปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นักโดยประทับแต่ละที่สัปดาห์ละ 7 วัน และในสัปดาห์ที่ 6 ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอดเจ็ดวันไม่ขาดสาย ผู้รจนาปฐมสมโพธิได้แต่งเล่าเรื่องไว้ว่า พญานาคชื่อ มุจลินทร์ ได้ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้ เข้าไปวงขนด 7 รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์ ลำดับนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเปล่งอุทานว่า  ความสงัดคือความสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้วได้รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความสำรวมไม่เบียดเบียนในสัตว์ทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ปราศจากกำหนัดหรือสามารถก้าวล่วงพ้นซึ่งกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขอันประเสริฐในโลก ความขาดจากอัสมิมานะหรือการถือตัวตนหากกระทำให้ (การถือตัว) หมดสิ้นไปได้นั้นเป็นความสุขอย่างยิ่ง



พระนาคปรก สธ. พิมพ์ใหญ่ องค์พระเนื้อนวโลหะ ฐานนาคปรกเนื้อเงิน
พระนาคปรก สธ. พิมพ์ใหญ่ องค์พระเนื้อนวโลหะ ฐานนาคปรกเนื้อเงิน


         ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น ๗ วัน แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า มุจจลินท์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์ ผู้เป็นราชาแห่งนาค ได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบน เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจจลินท์นาคราชจึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า "สุโข วิเวโก ตุฏฺฐัสสะ สุตะธัมมัสสะ ปัสสะโต อัพยาปัชชัง สุขัง โลเก ปาณะภูเตสู สัญญะโม สุขา วิราคะตา โลเก กามานัง สะมะติกฺกะโม อัสมิมานัสสะ วินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง ฯ" ความว่า "ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขในโลกความนำออกเสียซึ่งอัสมินมานะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง"


        พระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขภายในวงขนดของพญานาคมุจจลินท์นาคราชที่ขดแวดล้อมพระกายอยู่นี้ เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้นมา เรียกว่า ปางนาคปรก พระเครื่องปางนาคปรกนี้ นิยมสร้างเป็นพระนั่งบนขนดตัวพญานาคเหมือนเอานาคเป็นบัลลังก์ดูสง่า องอาจเป็นพระเกียรติอำนาจของพระองค์อย่างหนึ่ง ได้ลักษณะเป็นอย่างพระเจ้าของพราหมณ์ ถ้าจะรักษาลักษณะของพระพุทธรูปตามประวัติ ก็จะเป็นไปอีกในลักษณะหนึ่งคือ พระพุทธรูปจะมีพญานาคพันรอบพระวรกายด้วยขนดตัวพญานาคถึง ๔-๕ ชิ้น จนบังพระวรกายมิดชิด เพื่อป้องกันฝนและลม จะเห็นได้ก็เพียงพระเศียร พระศอ และพระอังสาเป็นอย่างมาก ทั้งเบื้องบนก็มีหัวพญานาคแผ่พังพานปกคลุมอีกด้วย


พระเครื่อง พระประจำวันเสาร์ ปางนาคปรก สำนักพุทธรัตนประทีป พ.ศ.2500

พระประจำวันเสาร์ ปางนาคปรก สำนักพุทธรัตนประทีป พ.ศ.2500


          พระนาคปรกนับเป็นการแสดงถึงพุทธภาวะที่มีอยู่เหนือสัตว์สำคัญ เช่น พญานาค นอกเหนือไปจากการแสดงพุทธภาวะเหนือเหล่าอสูร ตามที่ปรากฏในพุทธประวัติจนเหล่าอสูรยอมศิโรราบถวายตนเป็นผู้ปกป้องศาสนา อาทิ อาฬาวกยักษ์ และท้าวเวสสุวัณ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจ บุญบารมี และพระเมตตาของพระพุทธองค์ที่มีเหนือสามโลก เหนือทั้งเทพเทวะ มนุษย์ ยักษ์ สัตว์ ภูตผีปีศาจต่างๆ

        ในวงการตลาดพระเครื่อง พระบูชา จึงมีความนิยมสร้างพระพุทธรูป พระเครื่อง และพระพิมพ์ ปางนาคปรก กันมากมาย เช่น พระนาคปรกวัดท้ายตลาด พระนาคปรกใบมะขาม สำนักต่างๆ ตลอดจนพระเครื่องที่นิยมสร้างประจำวันตั้งแต่รัตนโกสินทร์เป็นต้นมา ล้วนแล้วแต่มีการจัดสร้างเป็นพระปางนาคปรกประกอบด้วยทั้งสิ้น